อันตรายไรฝุ่น โรคที่คนไทยเป็นมากที่สุด ภูมิแพ้

              
 

ไรฝุ่น  เป็นสัตวขาข้อขนาดเล็กอยู่ในกลุ่มเดียวกับแมลง เห็บ หรือหิด มี 8 ขา รูปร่างกลมรี สีขาวขุ่น มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก เพราะมีขนาดเล็กเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตร หรือเทียบได้กับจุดดินสอเล็กๆ ตัวไรฝุ่นชอบอยู่ในที่อับชื้น ไม่มีแสงสว่าง และชอบเกาะเกี่ยวเส้นใย มักจะอยู่บนที่นอน หมอน มุ้ง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยผ้าที่มีเส้นใย


                          าการแพ้ของเด็กอายุอายุ เด็ก 6 เดือน

    
จริงๆ แล้วตัวไรฝุ่นจะไม่กัดหรือต่อยผิวหนัง แต่จะผลิตสารก่อ ภูมิแพ้ไรฝุ่นซึ่งพบมากในมูลไรฝุ่น เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกริยาตอบสนองเป็นภูมิคุ้มกันแบบไวเกิน และมีอาการเกิดขึ้นในหลายระบบทั้งทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ซึ่งโรคที่พบได้บ่อยคือ   โรคแพ้อากาศหรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหืด โรคผื่นแพ้พันธุกรรม รวมทั้งโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ด้วย 
  

 รูปมูลไรฝุ่นที่เป็นปัญหาหลักของโรคทางเดินหายใจต่างๆ หรือ ภูมิแพ้ 

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น 

  1. ปัจจัยทางพันธุกรรม กล่าวคือ ผู้ที่มีพ่อหรือแม่ หรือทั้งสองท่านมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ได้ง่าย


  2. ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัว เราจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือผู้ป่วยไม่ให้มีปริมาณสารก่อภูมิแพ้มาก จึงจะช่วยลดความเสี่ยงหรือการกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ได้ ในบางรายอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ แต่สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่แพ้ไรฝุ่น ถ้าเกิดได้รับหรือสัมผัสก็จะไม่เกิดอาการ แต่ในกรณีที่ถ้าได้รับในปริมาณมากๆ และสัมผัสบ่อยครั้ง ก็จะสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน            

พรม ที่สำคัญเราควรคลุมเครื่องนอนด้วยผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าพลาสติกเพื่อลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น            

 
แหล่งที่มาสาเหตุของโรคภูมิแพ้       

 1.แพ้เกสอนดอกไม้   แพ้ไรฝุ่น 

 2.แพ้ขนแมว หรือสัตว์เลี่ยงต่างๆๆ                                                                                                                             

วิธีการกำจัดไรฝุ่นอย่างถูกวิธี 

การป้องกันและกำจัดไรฝุ่น โดยไม่ใช้สารเคมี

1.การกำจัดไรฝุ่นโดยการใช้วิธีทางกายภาพ

1.1 เครื่องดูดฝุ่นระบบน้ำ (Vacuum cleaner water filter system )

การใช้เครื่องดูดฝุ่นระบบน้ำเป็นตัวกรอง ในการทำความสะอาดพรมและพื้นห้อง หรือ เตียง สามารถกำจัดไรฝุ่นที่ได้ผล 100 % โดยที่ฝุ่นไม่พุ่งกระจาย เพราะมีน้ำเป็นตัวดักจับ ไรฝุ่นได้ทั้งหมด 

               
   /




      Clip ตัวอย่าง video เครื่องกำจัดไรฝุ่นที่ใช้ระบบน้ำ



1.2 ใช้ความร้อน (Heat)

การกำจัดไรฝุ่นโดยใช้ความร้อนอาจดำเนินการได้หลายวิธีดังนี้

  • การต้มผ้าปูที่นอน ม่าน ตลอดจนเครื่องนอนและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ทำจากผ้า ซึ่งเก็บมาจากห้องพักที่พบตัวไรฝุ่นในน้ำอุณหภูมิอย่างน้อย 80 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาที เพื่อกำจัดไรฝุ่นที่อาจจะยังติดอยู่ในผ้าเหล่านั้นให้หมดไป

  • การซักผ้าปูที่นอนตลอดจนเครื่องนอนและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ทำจากผ้าโดยวิธีการซักแห้ง (Dry cleaning) หรืออบผ้า ด้วยเครื่องอบผ้า (Dryer) ที่อุณหภูมิ อย่างน้อย 100 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที สามารถกำจัดไรฝุ่นได้ทุกระยะ 


  • ใช้เครื่องพ่นไอน้ำร้อน (Stemar) ฉีดพ่นกำจัดไรฝุ่นในบริเวณที่พบ ซึ่งจะทำให้ตัวไรฝุ่นตายเมื่อสัมผัสไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูง อย่างน้อย 80 C (จะเป็นช่วงที่ไอน้ำผ่านออกมาจากปลายท่อไม่เกิน 2.5 ซม.) พร้อมกับอุปกรณ์ที่พ่นเฉพาะทางตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประเทศไทย 
  • ใช้เครื่องทำความร้อน (Heater) อบห้องให้มีอุณหภูมิภายในห้องสูง 100 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชม. หรือ ที่อุณหภูมิ 100 C เป็นระยะเวลา 1 ชม. สามารถกำจัดไรฝุ่นได้รวมด้วย ทั้งนี้เป็นการกำจัดไรฝุ่น ได้อย่างหมดสิ้น ทุกซอกทุกมุมในห้อง เหมาะสำหรับห้องหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ 







credit แหล่งที่มาของข้อมูล 




enrichfogger@gmail.com     line@ sirenathailand

บริษัท เฮล์ทตี้ เซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

02-4397289



  




Comments